September 9, 2010

ทริปปั่นจักรยานย้อนรอยประวัติศาสตร์


ปั่นจักรยานใน "ทริปย้อนรอยประวัติศาสตร์ เลียบคูพระนคร เลาะคลองรอบกรุง" ต้อนรับวัน Car Free Day ที่กำลังจะมาถึงกับสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย  เก็บภาพบรรยากาศมาฝากให้ดูกัน เผื่อใครจะสนใจไปแจมกันในวันหน้า เพราะแว่วว่าหนาวนี้จะมีแบบนี้อีกหลายทริป


ลองมาดูกัน






นัดหมายกันที่สวนสราญรมย์ตอนเช้าตรู่  ปั่นแฮ่ก ๆ ไปทันเคารพธงชาติและฟังบรีฟก่อนออกเดินทางแบบเฉียดฉิว




ทริปนี้มีลุงพุ่มคนดังแห่งเกาะสีชังมาแจมด้วย


 กริ๊ง กริ๊ง  ตั้งขบวนเริ่มออกเดินทาง


ผ่านพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ปราสาท ริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง


พักรวมขบวนกันที่หน้ากรมศิลปากร


ไปกันต่อ


คุณต่อแห่งกองการท่องเที่ยว กทม. ให้ข้อมูลว่าอีกไม่นานตำรวจจะออกประกาศห้ามจอดรถในถนนที่ กทม. ทำเส้นทางจักรยานแบบนี้เอาไว้ (เสียทีแล้ว)


จุดแวะแรกที่ สวนสันติชัยปราการ


ฟังประวัติความเป็นมาของย่านบางลำพูผ่านภาพนูนต่ำ


ต้นลำพู ที่เป็นที่มาของชื่อย่านนี้ "บางลำพู"


ข้ามสะพานฮงอุทิศ



ไปแวะพักกันที่ร้านกินลมชมสะพาน


เจ้าของร้านมาต้อนรับ พูดคุย สนุกสนาน


มีน้ำดื่มและเป๊ปซี่เสิร์ฟไม่อั้น


ลมเย็นพัดตึง สมกับชื่อร้านกินลมชมสะพาน


ไปกันต่อที่วัดใหม่อมตรส


ผ่านย่านชุมชน


จอดตรงนี้ไม่หายแน่ 


เจ้าถิ่นมาช่วยบอกเล่าความเป็นมาของวัด และที่สำคัญคือพระสมเด็จฯ ที่ขึ้นชื่อของวัด


ก่อนหน้าเคยมีคนมาตกเบ็ดพระ 


ตอนหลังท่านเจ้าอาวาสก็บูรณะเจดีย์ และสร้างวิหารล้อมป้องกันคนมาขุดกรุพระอีก




ลัดเลาะผ่านย่านชุมชน


มาออกที่ริมคลองบางลำพู ที่ประชาคมฯบางลำพูขึงป้ายผ้ารอต้อนรับ  อย่างนี้ต้องถ่ายเป็นที่ระลึกกันหน่อย


แล้วค่อยมาฟังเรื่องราวและกิจกรรมของประชาคมฯบางลำพู ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนาถิ่นฐานบ้านเรือน


คลองบางลำพูที่ดูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก ๆ 




มาสักการะศาลเจ้าพ่อหนู  


เห็นของแก้บนที่ชาวบ้านเอามาถวาย แอบคิดว่า เจ้าพ่อก็ชอบปั่นรถเหมือนกัน (นี่นา)


ศาลเทพเจ้าฟ้าดินแบบจีน ที่อยู่เคียงกับ ศาลพระภูมิ แบบไทย ๆ 


เดินตามแนวคลองบางลำพูมาอีกด้าน


มาสักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตาก 


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก


ข้ามคลองทะลุมาอีกฝั่งก็คือ ย่านตลาดบางลำพู


เลี้ยวเข้ามาที่วัดรังษีสุทธาวาส


เป็นวัดเก่าที่ถูกรวมเข้ากับวัดบวรนิเวศ


พระประธานในวิหาร 


เคยแต่ผ่านหน้าอาคารริมถนนราชดำเนิน วันนี้ปั่นเลาะมาด้านหลังบ้าง


มารวมตัวกันที่ หลัก กม.0 ของกรุงเทพฯ ข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


มาจอดรถพักกันอีกหน


ที่ร้าน Side Walk Cafe  เจ้าของเดียวกับร้านกินลมชมสะพาน


ถ่ายรูปหมู่ด้วยกัน


ทริปนี้มีที่แวะพักหรูหรามาก ๆ  แถมมีน้ำดื่มเย็น ๆ เสิร์ฟตลอด 


รถเข็นไอติมเจ้านี้มาถูกเวลามาก แล้วยังมีไอติมโบราณมาให้ชิมอีกด้วย


กับตึกสวยริมถนนพระสุเมรุ


ภัตตาคารนิวออลีนส์ ที่เคยเป็นบ้านของขุนนางเก่า


ข้ามสะพานผ่านฟ้ามานิดก็เจอ วัดปรินายก  
พระประธานที่นี่เป็นศิลปะสุโขทัย หมวดใหญ่ ที่ถือกันว่าสวยคลาสสิคมาก ๆ 


ฟังบรรยายที่มาของวัด ที่ความหมายของปรินายก ก็คือ ขุนพลที่ค้ำราชบัลลังค์  ซึ่งถือเป็น 1 ในแก้ว 7 ประการแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ์


ขุนพลท่านนั้นก็คือ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)


ท่านเป็นขุนพลคู่พระทัยของรัชกาลที่ 3 ที่มีผลงานมากมาย และได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจนได้รับพระราชทานดาบอาญาสิทธิ์  ประหารชีวิตคนก่อนแล้วค่อยกราบทูลทีหลังได้


เที่ยงแล้ว  คุณต่อบอกว่าใครจะไปกินข้าวแถวบางลำพูให้ตามมา มีทางเลาะไปออกได้


ทางที่ว่าก็มันดี  แบบว่าต้องจูงจักรยานลอดใต้สะพานกันมา


อิ่มอร่อยกันดีแล้ว ก็มาเจอกันที่ข้างกับอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์  เพื่อปั่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญกันต่อ


เส้นทางผ่านถนนราชดำเนิน


ตึกสวยริมคลองคูเมืองเดิม


กทม. ไม่ได้ลืมทำทางเท้า แต่ตรงนี้เคยเป็นท่าเอาช้างลงอาบน้ำของวังบ้านหม้อ


กับตึกสวยที่บ้านหม้อ


ผ่านตึกยาวของ รร.สวนกุหลาบ


เอารถจอดไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วออกเดินกัน


รอข้ามถนน


ตึกเก่าที่อยู่เพียงคนละฝั่งถนนกับอาคารสีสดใสสมัยใหม่


มาชมวัดซิกข์กัน


นอกจากจะต้องสงบสำรวมแล้ว ทุกคนจะต้องโพกผ้าคลุมศรีษะด้วย


ที่นี่มีเลี้ยงอาหารให้ฟรีแก่ทุกคนไม่จำกัดว่าต้องเป็นคนซิกข์  ก็เลยมีตัวอย่างเมนูมาให้ชม








ย้อนกลับมาฟังเรื่องราวของอาคารศาลรัฐธรรมนูญ


ที่ได้รับการบูรณะไว้อย่างดี


อย่างกระเบื้องที่ถึงจะปูใหม่แต่ก็เป็นลวดลายเดิม ๆ


แดดกำลังสวย ถ่ายรูปหมู่กันอีกรอบ


ที่หมายสุดท้ายของทริปนี้ที่วัดบพิตรพิมุข


ท่านรองเจ้าอาวาสเมตตามาบอกเล่าประวัติความเป็นมาของวัด และสิ่งควรชมในวัด


อย่างภาพทวารบาลที่บานหน้าต่าง และกระจกประดับเรื่องราวพุทธประวัติ


หรือภาพพระพิจารณาอสุภะกรรมฐาน ที่คือการพิจารณาซากศพระยะต่าง ๆ 


ท่านยังเมตตาประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กับชาวจักรยาน



ก่อนที่จะปิดทริปกันที่นี่



No comments:

Post a Comment